วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

10 รถยนต์เครื่องโรตารี่สุดคลาสสิค

เครื่องยนต์โรตารี่นั้นเป็นเครื่องแบบลูก สูบหมุน(โรเตอร์) โดยมีลักษณะเป็นแบบสามเหลี่ยมอยู่ในวงกลมทำงาน 3 จังหวะคือดูดและคายจะพร้อมกัน อัดอีกจังหวะและระเบิดอีกจังหวะ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบสามเหลี่ยมหมุนหรือโรตารี่นั้น คนทั่วไปคงจะนึกถึงมาสด้าเป็นหลัก ก็คงไม่แปลกเนื่องจากเป็นยี่ห้อเดียวที่ผลิตเครื่องนี้จนโด่งดังถึงปัจจุบัน การันตีจากรางวัล International Engine of the year 2003 แต่น้อยคนที่จะรู้ว่ามีอีกหลายยี่ห้อที่ใช้เครื่องโรตารี่ตัวนี้เหมือน กัน


1. NSU Wankel spyder ค่ายรถจากเยอรมันนี ผู้บุกเบิกเครื่องโรตารี่โดย ดร. เฟลิกซ์ แวงเคิล นำไปใส่ในรถรุ่น Wankel spyder ปี 1963 เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุน วางเครื่องโรตารี่แบบโรเตอร์เดียว 50 แรงม้า ชนะการแข่ง German rally championship แต่ด้วยสาเหตุความจุกจิกของเครื่อง กินน้ำมันมาก ในปี 1967 จึงเลิกผลิต ด้วยยอดจำหน่าย 1,900 คัน


2.NSU RO 80 ในปี 1967 ได้เปิดตัวรุ่น RO 80 เป็นรถซีดานที่ขายดีที่สุดของบริษัทกับตัวเลข 37,398 คัน เครื่อง 2 โรเตอร์ 115 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.พร้อมกับได้รับเลือกให้เป็นรถยอดเยี่ยมแห่งยุโรปปี 1967 แต่เนื่องจากเครื่องยนต์มีปัญหา ก็เลยชวดรางวัลไป RO 80 ถือว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของNSUก็ว่าได้ เพราะหลังจากปี 1977 ออดี้/โฟล์ค ก็ซื้อกิจการไป


3. Mazda Cosmo 110S ผลิตปี 1967 เป็นรุ่นที่จุดประกายความโด่งดังของเครื่องโรตารี่ เครื่อง 2 โรเตอร์ 1 ลิตร แต่เทียบเท่า 2 ลิตรในกระบอกสูบชัก กำลัง 110 แรงม้า 0-100 ใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุด 189 กม./ชม. ต่อมาในปี 1972 จึงจับประกบกับเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิด 5 จังหวะ แรงม้าเพิ่มเป็น 125 แรงม้า


4. Citroen M35 ปี 1964 มากับรูปลักษณ์ 2 ประตูคูเป้ ช่วงล่างไฮดรอลิก เครื่องยนต์โรเตอร์เดี่ยว 49 แรงม้า 0-100 ภายใน 19 วินาที โดยจับมือกับ NSU ก่อตั้งบริษัท comotor เพื่อผลิตเครื่องโรตารี่


5. Mazda RX-3 ปี 1970 มีทั้งตัวถังซีดานและคูเป้ ซื่งใส่เครื่อง 2 โรเตอร์ 100-120 แรงม้า ซื่งจัดว่าแรงมาก แต่ก็แลกกับอัตราการกินน้ำมันที่ดุเดือดถึง 7กม./ลิตร จึงทำให้เจ้าของหลายคนต้องยอมถอดเครื่องแรงๆออกเลยทีเดียว


6. Audi 100 KKM 871 ปี 1977 สืบโครงการต่อจาก NSU ทำตลาดคล้ายๆกับ NSU RO 80 โดยเป็นซีดานขนาดใหญ่ ใช้ตัวถังรุ่น 100 KKM 871 วางเครื่อง 3 โรเตอร์ 1.5 ลิตร เทียบเท่า 3 ลิตรในกระบอกสูบชัก 170 แรงม้า 0-100ใน 8.5 วินาที รุ่นนี้ไปได้สวยทีเดียว แต่รุ่นต่อมาก็หันไปคบเครื่อง 5 สูบเรียงแทน


7. Citroen GS Birotor ปี 1973 แม้จะมีหน้าตาที่ทันสมัย เครื่อง 2 โรเตอร์ 106 แรงม้า ที่ทำงานดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาจุกจิก แต่ยอดขายกลับขายได้แค่ 847 คันเท่านั้น สาเหตุอาจจะมาจากคนทั่วไปยังไม่เชื่อมั่นในเครื่องยนต์และยังติดกับภาพ ลักษณ์เดิมๆ ทำให้โครงการผลิต CX Trirotor ก็ต้องพับเก็บเข้าลิ้นชักไป


8. Mercedes-Benz C111 ปี 1970 ถ้ามองผ่านๆตาบางคนอาจจะนึกว่าเป็นรถ เดอรอลีน Mercedes-Benz C111 เป็นรถต้นแบบผลิตล็อตแรกเพียง 3 คัน 2 คันวางเครื่อง 2 โรเตอร์ วางกลางลำ 1.8 ลิตรเท่ากับ 3.6 ลิตรในลูกสูบชัก กำลัง 300 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 273 กม./ลิตร ส่วนคันที่ 3 มากับเครื่อง 4 โรเตอร์ 2.4 ลิตร ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม. ล็อตที่สองผลิตออกมา(แต่ไม่ระบุจำนวน)กลับใช้เครื่องดีเซลแทน


9. Mazda RX-7 ปี 1978 เป็นรุ่นที่กอบกู้ฐานะทางเศรษฐกิจของมาสด้าและกอบกู้ชื่อเสียงของเครื่อง โรตารี่หลังจากเงียบเหงามานาน รุ่นแรกวางเครื่อง 2 โรเตอร์ 1.1ลิตร 115 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 193 กม./ชม. จนถึงปี 1986 รุ่นนี้มียอดขายทั้งสิ้น 570,500 คัน จากนั้นเว้นช่วงไป 4 ปีจึงเปิดตัว RX-7 เมื่อปี 1990 เครื่องยนต์ 255-280 แรงม้า


10. Mazda RX-8 ปี 2002 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่น้อยคนจะบอกว่าไม่สวย บานประตูเปิดออกแบบตู้เสื้อผ้า ไม่มีเสากลาง เครื่องยนต์ Renesis 1.3 ลิตร 2 โรเตอร์ 250 แรงม้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น